วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

** 23 กรกฏาคม เผยความรู้สึกญาติทหารผู้กล้า ภูมิใจสละชีพเพื่อแผ่นดิน
ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแบล็กฮอว์กตกเผยเสียใจมาก แต่ภูมิใจที่สละชีพเพื่อชาติ
ภารกิจการค้นหาเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กที่ประสบอุบัติเหตุขาดการติดต่อไป เมื่อวันอังคารที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมาสิ้นสุดลง หลังจากมีรายงานเมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม) ว่า พบเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กลำที่ประสบเหตุแล้วในฝั่งพม่าห่างจากชายแดนไทย 300 เมตร และห่างจากจุดที่ ฮ.ฮิวอี้ ลำแรกตกประมาณ 200 เมตร แต่ที่น่าสลดใจก็คือ ผู้โดยสารเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวทั้ง 9 ชีวิตเสียชีวิตยกลำ แม้ว่าก่อนหน้านี้ บรรดาญาติพี่น้องผองเพื่อนของทหารทั้ง 8 นาย และช่างภาพสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 จะสวดมนต์ภาวนา และขอให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับผู้กล้าทั้ง 9 คนสักครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
หลังจากข่าวคราวการเสียชีวิตของทั้ง 9 คน ถูกแจ้งไปยังญาติพี่น้องที่มารอเฝ้าฟังข่าว ทุกคนต่างอยู่ในอารมณ์เดียวกัน คือ โศกเศร้าเสียใจกับการจากไปอย่างกะทันหัน แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่เป็นการสละชีพเพื่อชาติ
อย่างเช่น นางเขี่ยม เจียมสูงเนิน วัย 79 ปี มารดา พ.ต.ประพันธ์ เจียมสูงเนิน นักบินที่ 1 ประจำเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากกับการจากไปของลูกชาย แต่ก็ดีใจที่ลูกชายตายเพื่อชาติ ที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวมาโดยตลอด และสวดมนต์ภาวนาตลอดว่า อย่าให้ลูกเสียชีวิต แต่สุดท้ายก็มาทราบข่าวว่าลูกจากไปแล้ว รู้สึกใจหายและเสียใจเป็นที่สุด และถ้าวิญญาณของลูกยังรับรู้ได้อยากบอกลูกว่า ขอให้ลูกไปดี ลูกได้ทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินของเราแล้ว พร้อมได้กล่าวขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจและเอาใจช่วยมาโดยตลอด ส่วนการบำเพ็ญกุศลก็จะต้องปรึกษากันก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
"ลูกชายคนนี้เป็นคนดีมาก และเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว เขาตั้งใจและรักในอาชีพทหารอย่างมาก เป็นคนดี รักพี่และครอบครัวเสมอต้นเสมอปลาย รักพ่อรักแม่มากกว่าชีวิตของตัวเอง ตอนนี้แม่ก็เริ่มทำใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงลูกชายอยู่ มีลูกชายคนเดียวเป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่และครอบครัว ก็ขอให้ลูกไปดี" นางเขี่ยมกล่าวพร้อมถือภาพลูกไว้ตลอด
ขณะที่ชาวบ้านหลายสิบคนในหมู่บ้านหนองคันชั่ง จังหวัดสุรินทร์ ได้พากันเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 63 ม.8 บ.หนองคันชั่ง ต.พระแก้ว อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของ จ.ส.อ.สมคิด วงษ์ตาแสง อายุ 31 ปี ช่างเครื่องของเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อให้กำลังใจ นายบัณฑิต วงษ์ตาแสง น้องชายของ จ.ส.อ.สมคิด วงษ์ตาแสง พร้อมกับช่วยกันเตรียมสถานที่ไว้เตรียมจัดงานศพทันทีที่ศพมาถึง
โดย นายบัณฑิต วงษ์ตาแสง น้องชาย จ.ส.อ.สมคิด ผู้เสียชีวิต ได้นำรูปพี่ชายที่รับพระราชทานปริญญาบัตร จากสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อปี 2549 รวมทั้งรูปที่พี่ชายสวมชุดราชการทหารต่าง ๆ สมัยยังมีชีวิตอยู่ ออกมาทำความสะอาดเพื่อเตรียมตั้งหน้าศพ
ด้าน พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะเพื่อนร่วมเตรียมทหาร รุ่น 15 ของ พล.ต.ตะวัน กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ พล.ต.ตะวัน และผู้เสียชีวิตในเหตุเดียวกันอย่างสุดซึ้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ตะวันและเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้มาแล้ว โดยเชื่อว่าชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้ทุกคนจะร่วมกันระลึกถึงความดีที่ทุกท่านได้สร้างไว้
ขณะที่ พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองแม่ทัพภาคที่ 1 และอดีต ผบ.พล.1 รอ.กล่าวในฐานะเพื่อน ตท.15 ว่า รู้สึกเสียดายมากที่สูญเสียเพื่อนคนนี้ ตท.รุ่น 15 ทั้งรุ่นก็รักเขาจริง ๆ ไม่ใช่รักแบบพูด ทุกคนที่รู้ว่าเสีย พล.ต.ตะวัน นั้นคือเราเสียคนที่ทำงานให้กับกองทัพและบ้านเมือง เพราะตั้งแต่เขาเป็นผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 14 (ทพ.14) เขาแสดงให้เราเห็นว่าทุกจุดบริเวณชายแดนเขาเดินทุกจุด เห็นทุกที่มีความมุ่งมั่นในการทำงาน เขาดูแล พล.ร.9 หรือชายแดนเราไม่ห่างเลย เพราะเขาอยู่ในพื้นที่ตลอด เรื่องส่วนตัวก็ไม่เคยเสียหาย
"ตะวันจับงานนี้เพราะห่วงลูกน้องในเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ที่ตก เขาจึงทำภารกิจนี้ด้วยตัวเองจนนาทีสุดท้าย เพราะเขาเป็นคนมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว มีความเป็นทหารอาชีพ รับทำงานปฏิบัติสั่ง 1 ได้ 2 หรือทำเกินที่เราสั่งเกิน 100% ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าตะวันจะไม่ทำงานให้เรา คนคนนี้เขาทำเกินกว่าที่เราต้องการอีก ตะวันเป็นคนแบบนี้ ตลอดทั้งในหน้าที่หรือกับเพื่อนฝูง มีน้ำใจมาตลอด เขาจึงเป็นเพื่อนที่ดี เป็นนายทหารที่ดีของกองทัพ" เพื่อน ตท.15 ระบุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น